วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

[Tips] เริ่มต้นรู้จัก Windows Phone 8 แบบเข้าใจ


กระแสความนิยมที่ก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจน สำหรับ Windows Phone 8  ในบ้านเรา  ทำให้ใครหลายๆคนเริ่มที่จะสนใจมองหาข้อมูลต่างๆของเจ้าสมาร์ทโฟนระบบใหม่นี้กันมากขึ้น ตอนนี้ก็มีเพื่อนๆที่ได้เครื่องระบบ WP8 มาแนะนำความสามารถโน้นนี้นั้นต่างๆ ให้เราดูกันไปเยอะแล้ว

แต่ตัวระบบพื้นฐานยังไม่ค่อยมีใครพูดถึง การอธิบายรากคำสั่งและการปรับแต่งของระบบ เป็นเรื่องที่สำหรับผมคิดว่ามีความสำคัญ เพราะมันจะทำให้เราเข้าใจการทำงาน ลักษณะการทำงาน รวมถึงเป็นการอธิบายเบื้องต้นสำหรับผู้ที่เริ่มใช้งาน WP8 ได้อีกด้วย

อนาคตอีกยาวไกล ก่อนที่ผมจะเอาเครื่องหรือแอพพลิเคชั่นมาแนะนำให้รู้จัก ผมขอเริ่มจากตัวระบบก่อนนี้แหละครับ น่าจะเหมาะสมดี ^^
และสำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังหาข้อมูล ก็คิดว่าน่าจะพอมีประโยชน์ให้รับรู้ว่าอะไรเป็นอย่างไร ก่อนที่จะตัดสินใจหยิบสมาร์ทโฟน WP8 มาใช้สักเครื่องนึง
หน้าใช้งานหลัก
 สำหรับ WP8 จะมีหน้าหลักในการใช้งานเบื้องต้นอยู่สามหน้าด้วยกันครับ
1.หน้าล็อกสกรีน
ในการเริ่มต้นใช้งาน WP8 แน่นอนว่าก็มีหน้าหลัก หรือหน้าโฮมเหมือนOS อื่นๆ เช่นกันครับ โดยเราจะเรียกหน้าแรกที่เราเปิดเครื่องขึ้นมาว่า หน้าล็อกสกรีน
ในหน้านี้จะประกอบด้วย
-ภาพวอลล์เปเปอร์ ซึ่งจะมาจากรูปภาพที่เราเลือก หรือ วอลเปเปอร์ที่เป็นของแอพพลิเคชั่นบางตัวที่ทำงานได้บนหน้าล็อก เช่น ของแอพ HTC ที่จะเปลี่ยนภาพไปตามสภาพอากาศ หรือของแอพ Facebook ที่จะแสดงภาพจากอัลบั้มของเราเป็นต้น
-นาฬิกา
-การแจ้งเตือน ซึ่งจะสามารถตั้งค่าได้ภายในเครื่องว่าต้องการแจ้งเตือนอะไรบ้าง ได้สูงสุด 5 อย่าง โดยการแจ้งเตือนที่สามารถเลือกนำมาใช้ได้ ต้องเป็นแอพพลิเคชั่นที่ทำมารองรับการใช้งานส่วนนี้ด้วยนะครับ
ออกจากหน้าล็อกสกรีนเข้าหน้าการใช้งานโดยการสไลด์ขึ้น
2.หน้า Live Tile
หน้านี้เป็นหน้าการใช้งานหลัก และควรเข้าใจการใช้งานอย่างละเอียดสักเล็กน้อยครับ
สำหรับผู้ใช้ระบบแอนดรอยด์มาก่อน ให้นึกถึง Widget นั้นแหละครับ แต่เป็น Widget ที่การใช้งานแน่วแน่คือเน้นไปที่การแจ้งเตือน
ส่วนใหญ่แอพพลิเคชั่นที่เราลากออกมาแสดงหน้า Live Tile จะสามารถแสดงรายละเอียดเพิ่มเติมจากไอคอนแอพตามปกติได้นิดหน่อย เช่น แสดงรูปภาพ มีอนิเมชั่นเคลื่อนไหว มีการแจ้งเตือน สามารถย่อขยายได้
ซึ่งการย่อขยายตัว Tile นั้นก็แล้วแต่ว่าแอพนั้นๆ จะออกแบบมาให้เปลี่ยนแปลงได้กี่ขนาด (มากสุด 3 ขนาด) ในแต่ละขนาดก็จะแจ้งรายละเอียดที่แตกต่างกันไป
ก็แล้วแต่เราจะจัดวางเพื่อความสวยงามหรือประโยชน์ใช้สอยครับ เพราะหน้า Live tile นอกจากจะเป็นที่วางของ Tile จากแอพแล้ว ยังเป็นที่วางของช็อตคัทต่างๆจากการใช้งานภายในแอพพลิเคชั่น ตามแต่เราต้องการจะนำมาปักหมุด( pin) ไว้หน้า Live tile ด้วยครับ เช่น บุ๊คมาร์คของเบราว์เซอร์ , รายชื่อเพลงโปรด หรือหมายเลขติดต่อสำคัญๆ ที่เราใช้งานบ่อยๆ ป็นต้นครับ
การใช้งาน Live tile จะเลื่อนสไลด์เป็นแนวตั้ง วางลากยาวลงไปด้านล่าง สามารถเปลี่ยนสีของแผ่น Tile ได้ในการตั้งค่าตัวเครื่อง มีให้เลือกหลากหลายสีเลยครับ ^^
และจำไว้ให้ดีนะครับ สำหรับ WP8 “การแจ้งเตือนบนไอคอนแอพ จะเตือนก็ต่อเมื่อนำแอพนั้นมาวางไว้หน้า Live Tile เท่านั้น” 
สลับหน้า Live tile เข้าสู่หน้ารายชื่อแอพโดยการสไลด์หน้าจอไปทางซ้าย
3.หน้ารายชื่อแอพพลิเคชั่น
ในหน้าหลักที่สามของระบบ WP8 ก็คือหน้ารายชื่อแอพครับ แอพไหนที่ลงไว้หรืออยู่ในเครื่อง ก็จะแสดงไว้ที่หน้านี้ทั้งหมด โดยเรียงตามตัวอักษรเป็นแถวยาวลงมา
และเมื่อมีรายชื่อแอพพลิเคชั่นภายในเครื่องเกินกว่า 45 แอพแล้วละก็ จะปรากฏตัวหนังสือคั่นรายชื่อขึ้นมา เพิ่อแยกรายชื่อแอพออกตามตัวอักษรนำหน้าเป็นหมวดๆ เราสามารถทัชลงไปบนตัวอักษรคั่นเพื่อเรียกหมวดตัวหนังสือทั้งหมดออกมาเพื่อเลือกเข้าไปดูรายชื่อแอพในหมวดตัวอักษรนั้นๆได้ครับ
ในหน้ารายชื่อแอพนี้ เราสามารถจะถอนการติดตั้งแอพพลิเคชั่นที่ไม่ต้องการได้ด้วย โดยการทัชค้างไปที่ไอคอนแอพนั้นๆ แล้วเลือก Uninstall หรือ เลือก Pin to Start ก็จะเป็นการนำแอพนั้นๆไปปักหมุดอยู่ที่หน้า Live tile นั้นเองครับ
สามปุ่มมาตรฐาน Windows phone8
หลังจากรู้จักหน้าการใช้งานหลักทั้งสามหน้าแล้ว ก็มารู้จักปุ่มใช้งานหลักทั้งสามปุ่มของ WP8 กันครับ
-ปุ่มย้อนกลับ เป็นการย้อนกลับการกระทำก่อนหน้าไปหนึ่งเสต็ป และเป็นปุ่มที่ใช้ปิดการทำงานของแอพพลิเคชั่นต่างๆอีกด้วยครับ เพราะเมื่อเรากดย้อนกลับจนถึงหน้าแรกของการทำงานแอพพลิเคชั่นนั้นๆ ก็จะเป็นการออกจากแอพโดยทันที และจะแสดงหน้าแอพพลิเคชั่นถัดไปที่เปิดทิ้งเอาไว้ขึ้นมา ย้อนไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงแอพสุดท้ายที่เราได้ทำการเปิดไว้ เมื่อปิดแอพไปทั้งหมดแล้ว เราถึงจะกลับออกมาหน้า Live tile ได้ครับ
ปุ่มย้อนกลับยังทำหน้าที่เป็นปุ่ม Recent App หรือปุ่มเรียกดูแอพที่เปิดใช้ไปก่อนหน้าได้ ด้วยการทัชปุ่มย้อนกลับค้างไว้ เราก็สามารถเลือกสลับเข้าสู่หน้าแอพตัวที่เราต้องการได้ทันทีครับ
-ปุ๋ม Start Windows หรือปุ่มโฮมนั้นเองครับ คิดอะไรไม่ออก ก็กดปุ่มโฮมเป็นการย้อนกลับมาที่หน้าแรกอย่างง่ายๆ แต่แอพที่ใช้งานอยู่จะไม่ปิดตัวลงไปนะครับ สามารถกลับเข้าไปทำงานใหม่ได้ด้วยการกดปุ่มย้อนกลับค้างไว้เพื่อเปิดหน้า Recent App
เมื่อเรากดปุ่ม Start Windows ค้างไว้ จะเป็นการเรียกใช้ “การสั่งงานด้วยเสียง” ขึ้นมาครับ (ไม่รองรับภาษาไทย)
-ปุ่มค้นหา เราสามารถกดเรียกการค้นหาข้อมูลผ่านทาง bing ได้ทุกที่ทุกเวลาครับ สำหรับไอคอนรูปลูกตาด้านล่างเป็นการเปิดความสามารถด้านการแสกนของ WP8 แสกนได้หมดไม่ว่าจะเป็น QR code หรือ Barcode รวมทั้งใช้แสกนตัวหนังสือเพื่อแปลภาษาจากภาพถ่ายได้ด้วยครับ
การใช้งานสามปุ่มหลักของเครื่อง WP8 ก็จะประมาณนี้ครับ ^^
การตั้งค่า
รู้จักในส่วนควบคุมของระบบ Windows Phone8 กันแล้ว ก็มารู้จักหลังบ้านของระบบเขากันหน่อยครับ ^^ ในส่วนของการตั้งค่าตัวเครื่อง
การตั้งค่าของ WP8 สามารถเข้าได้โดยไอคอนแอพที่เป็นรูปเฟือง โดยจะมีการตั้งค่าแบ่งเป็นสองหมวดใหญ่ครับ นั้นคือ System (ระบบ) และ Application (แอพพลิเคชั่น)
เรามาดูกันทีละข้อครับ ^^
การตั้งค่าหมวด System
- Ringtones+sounds / การตั้งค่าเสียงเรียกเข้า เราสามารถใช้เสียงเรียกเข้าจากไฟล์ MP3 ได้โดยการเชื่อมต่อกับ PC แล้วคัดลอกไฟล์เพลงไปไว้ในโฟลเดอร์ Ringtone ของเครื่องโทรศัพท์ รายชื่อเพลงนั้นก็จะมีขึ้นมาให้เลือกเป็นเสียงเรียกเข้าของตัวเครื่องครับ
-Theme / ปรับเปลี่ยนสีสันตามใจได้ในหน้านี้ครับ จะเอาพื้นหลังดำสนิทหรือขาวสว่างเลือกได้ที่หัวข้อ Background และสีสันของแผ่น Tile ก็เลือกได้ในหัวข้อ Accent color
-Email-Accounts / ลงทะเบียนแอคเคาท์ทางสังคมต่างๆทั้งหลายแหล่ได้ที่นี่ครับ Hotmail, Gmail, Facebook, Twitter เพื่อ Sync รายชื่อติดต่อ ตารางนัดหมาย และอีเมล
-internet sharing / แชร์สัญญาณอินเตอร์เน็ตจากเครือข่ายให้อุปกรณ์อื่น ด้วยสัญญาณ Wi-Fi
-lock screen / ตั้งค่าหน้าล็อก เลือกภาพหน้าล็อก ตั้งค่าการเตือน 5 ประเภทที่หน้าล็อก และตั้งระยะเวลาดับแสงไฟหน้าจอเพื่อล็อกเครื่อง
-WiFi / ตั้งค่าการเชื่อมต่อสัญญาณ WiFi
-Bluetooth / ตั้งค่าเชื่อมต่อสัญญาณบลูทูธ
-Tap+send / เปิดปิดการใช้งานเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วย NFC
-flight mode / เปิดปิดโหมดเครื่องบิน ตัดการรับสัญญาณโทรศัพท์
-mobile network / ตั้งค่าการรับสัญญาณ เครือข่ายโทรศัพท์และสัญญาณอินเตอร์เน็ต
-location / เปิดปิดการจับตำแหน่งโทรศัพท์ ด้วย GPS
-Kid’s corner เปิดปิดโหมดใช้งานสำหรับเด็ก และป้องกันการเข้าใช้งานเครื่องด้วยรหัสผ่าน ( แนะนำการใช้งาน Kid’s corner ดู ที่นี่ ครับ)
-battery saver / ตั้งค่าการเปิดปิดโหมดประหยัดพลังงาน
-phone storge / ตรวจเช็คพื้นที่หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง
-Back up / ตั้งค่าการแบ็คอัพรายชื่อแอพพลิเคชั่นที่เราใช้งาน แบ็คอัพ SMS และรูปภาพ
 
-date+time / ตั้งค่าวันเวลา และโซนเวลามาตรฐาน (ของไทยตั้งไว้ที่ GMT+7)
-brightness / ตั้งความสว่างหน้าจอ สูง กลาง ต่ำ และอัตโนมัติ
-keyboard / ตั้งค่าคีย์บอร์ด เพิ่มการใช้งานภาษาบนแป้นพิมพ์
-language+region / ตั้งค่าภูมิลำเนาในการใช้งาน เปลี่ยนภาษาเครื่อง และตั้งค่าหน่วยนับแต่ละท้องถิ่น การตั้งค่าส่วนนี้มีผลในเรื่องของรายชื่อแอพพลิเคชั่นที่จะแสดงใน Market ด้วยนะครับ
-ease of access / ตั้งค่าในส่วนแสดงผล ขนาดฟ้อน รูปแบบการแสดงในบางฟีเจอร์ และเปิดฟังชั่นขยายจอ Screen magnifier
-speech / ตั้งค่าการสั่งงานด้วยเสียง
-find my phone / ตั้งค่าระบบติดตามเครื่องหาย (ดูรายละเอียดและวิธีใช้ได้ที่นี่ )
-phone update / เช็คการอัพเดทระบบของตัวเครื่อง
การตั้งค่าหมวด apllication
-Background tasks/ การตั้งค่ากำหนดแอพพลิเคชั่นที่รันทำงานเบื้องหลัง แอพไหนเราไม่ต้องการให้แอบทำงาน สามารถเข้าไป Block ได้ในหัวข้อนี้
-games / เปิดการ Sync ข้อมูลกับ Xbox
-Internet Explorer / ตั้งค่าการทำงานของเบราว์เซอร์ IE ในตัวเครื่อง
-Maps / ดาวน์โหลดแผนที่เพื่อใช้งานแบบออฟไลน์ เช็คการอัพเดทของแผนที่
-messaging / ตั้งค่าการกำหนดของการใช้งาน SMS  MMS
-music-videos / ตั้งค่าการ Sync ข้อมูลมีเดียจาก Xbox clound
-office / ระบุชื่อผู้ใช้งาน และเปิดการใช้งานลิงค์แชร์เอกสารในแอพ office
-people / เข้าหน้าการจัดการรายชื่อติดต่อ
-Phone / เข้าการจัดการ การโทร การโอนสาย ระบุหมายเลขศูนย์ Voicemail
-photo+camera / การตั้งค่าการถ่ายภาพ และเปิดปิดระบบอัพโหลดรูปภาพอัตโนมัติขึ้นแหล่งฝากไฟล์ Skydrive
-search / การตั้งค่าการค้นหาด้วย bing (จากปุ่มค้นหา) เปิดปิดการระบุสถานที่เพื่อช่วยในการค้นหา เปิดปิดการกดปุ่มค้นหาในหน้าล็อกสกรีน
-store / การใส่รหัสพินเพื่อป้องกันการซื้อแอพพลิเคชั่นโดยไม่ตั้งใจ
-wallet / เหมือน Store

ระบบ Market

สิ่งที่เราควรรู้สำหรับเครื่อง WP8 ก็จะประมาณนี้ครับ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของการแอพพลิเคชั่นมาใช้งานกัน ^^ และสำหรับ WP8 ก็หาไม่ยากครับ Marketplace แหล่งขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ก็พร้อมบริการอยู่ภายในตัวเครื่องแล้ว วิธีการใช้งานก็ไม่ยากเลย แบ่งหมวดหมู่ชัดเจนครับ ^^
ภายในคลังแอพขนาดใหญ่ มีมาพร้อมทั้งแอพพลิเคชั่นใช้งานและเพลงเพราะๆที่จำหน่ายกันแบบถูกต้องลิขสิทธิ์ครับ ^^
เมื่อเราเข้ามายังหน้าแรกใน Marketplace จะเห็นหัวข้อหลักๆ คือ
-แอพเฉพาะของแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่น จำพวก Exclusive app นั้นแหละครับ ประมาณว่าต้องใช้รุ่นนี้เท่านั้นถึงจะมีมาให้ใช้ ชื่อก็จะบอกเลยครับว่าเป็นแอพของใคร (ในภาพตัวอย่างเป็นของ HTC app)
-ต่อมาก็เป็นแอพพลิเคชั่นทั้งหมดของ Marketplace ครับ โดยจะแบ่งให้เป็นหมวดหมู่ชัดเจนครับ
Top Free /แอพฟรียอดนิยม
Top paid /แอพซื้อยอดนิยม
Collections / แอพเด็ดแยกไว้ให้เป็นหมวดหมู่
New + Rising /แอพใหม่มาแรง
Best-rated / ได้รับคำชม นิยมสูง
ยังมีการแยกแอพออกเป็นตามประเภทการใช้งาน และหน้า Spotright คือแอพเด่นแนะนำประจำวันครับ
ในส่วนของเพลงเองก็เช่นกันครับ
New releases / เพลงมาใหม่
Top Artists / นักร้องยอดนิยม
Top Albums / อัลบั้มยอดนิยม
และก็มีแบ่งตามแนวเพลง และ เพลงแนะนำประจำวัน
ราคาเพลงๆนึงก็ประมาณ สามสิบกว่าบาทครับ ถ้าซื้อยกอัลบั้มก็สามร้อยห้าสิบโดยประมาณ
และก็มี Podcasts หรือสถานีวิทยุออนไลน์ เราสามารถลงทะเบียนเพื่อดาวน์โหลดมาฟังได้ในแอพ Music ภายในเครื่องครับ เลือกแนวเพลงตามที่ชอบได้เลยครับ อันนี้ฟรี ^^
ส่วนการซื้อแอพก็ไม่ยากครับ กดเข้าไปยังแอพที่ต้องการ ถ้าไม่แจ้งว่า BUY คือใช้งานได้ฟรี install ลงเครื่องได้เลยครับ แต่ถ้าขึ้นว่า BUY คือต้องจ่ายตังค์ซื้อผ่านบัตรเครดิตครับ และ TRY คือการดาวน์โหลดมาทดลองเล่นได้ก่อน แต่จะใช้งานได้ไม่ครบทุกฟังชั่นหรืออาจจะใช้งานได้แบบจำกัดวันครับ
หลังจากเราได้แอพพลิเคชั่นสำหรับใช้งานตามที่ต้องการแล้ว ระบบ WP จะมีจุดเด่นอยู่อย่างนึงนั้นคือระบบ hub ที่จะรวบรวมแอพใช้งานในประเภทเดียวกัน ไปอยู่ภายใต้ hub เดียวกัน เพื่อความง่ายในการใช้งานร่วมกัน และเรียกใช้ได้สะดวกสบาย
เช่น เกมที่เรา install ไว้ภายในเครื่อง ก็จะถูกรวมกันไว้ใน hub game หรือแอพที่เกี่ยวกับการเล่นเพลงเล่นวีดีโอก็จะเอาไปไว้รวมกันครับ
ยังมี people ที่เป็นที่รวมของ Social ต่างๆ และ Office งานเอกสารก็เอามาไว้ที่นี่หมดแล้วเช่นกัน
ใน WP8 ยังคงมีเทคนิคและรายละเอียดเล็กๆ น้อยอยู่อีกมากมาย แต่เราจะมาว่ากันวันหลังครับ ^^
มีอะไรดีๆผมจะนำมาฝากถึงที่เช่นเคย สำหรับบทความแนะนำ WP8 ในเรื่องเบื้องต้นนี้ ก็ขอฝากไว้เท่านี้ก่อนนะครับ
เมื่อเราเรียนรู้การใช้งานภายใน และสามารถหาแอพพลิเคชั่นที่ต้องการมาใช้งานได้ตามใจ ก็เรียกว่าเราใช้งานสมาร์ทโฟนเป็นในระดับนึงแล้วละครับ ^^

คักลอกจาก:http://www.appdisqus.com/2012/11/26/tips-windows-phone8-basic/

WINDOWS PHONE 8 จาก HTC กับอีกคืนที่ดีหรืออาจจะเหนื่อย ?



Windows Phone 8 จาก HTC กับอีกคืนที่ดีหรืออาจจะเหนื่อย ? events article วันนี้ในเวลาประเทศไทยถือเป็นวันที่ 19 กันยายนแล้ว ซึ่งวันนี้เองก็ตรงกับวันที่ทาง HTC เตรียมจะจัดงานแถลงข่าว แต่ว่าเค้าจะจัดในวันที่ 19 กันยายนนี้แต่ที่นิวยอร์ค แสดงว่ามันก็คือคืนนี้ของเรานั่นเองโดยประมาณ ซึ่งทาง HTC เตรียมจะเปิดตัวอะไรบางอย่างในวันนี้
Windows Phone 8 จาก HTC กับอีกคืนที่ดีหรืออาจจะเหนื่อย ? events article
งานแถลงข่าวของ HTC ครั้งนี้มีอะไร ?
HTC เป็น Partner กับทาง Microsoft มาอย่างยาวนาน แถมล่าสุดก็เปิดตัว OS ใหม่อย่าง Windows Phone 8 ไปแล้ว และทาง Samsung และ Nokia เองก็ได้มีการเปิดตัวอุปกรณ์ Windows Phone 8 ตัวจริงออกมาแล้ว โดยเฉพาะทางฝั่ง Nokia ที่นำ Lumia 920 มาสร้างกระแสได้อย่างต่อเนื่อง แถมมาพร้อมกับเทคโนโลยีหน้าจอที่น่าสนใจอย่าง Puremotion HD รวมถึงเรื่องของกล้องที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Pureview (แตกต่างจาก 808) แค่ 2 อย่างนี้ก็เรียกเสียงฮือฮากับคนที่กำลังรอทั้ง Nokia และ Windows Phone เป็นอย่างมาก
Windows Phone 8 จาก HTC กับอีกคืนที่ดีหรืออาจจะเหนื่อย ? events article ในค่ำคืนนี้เองถือเป็นทีของ Windows Phone 8 จาก HTC กันบ้าง โดยก่อนหน้านี้เองมีข่าวออกมาแล้วว่าทาง HTC จะมี Windows Phone 8 ในปีนี้ถึง 3 รุ่น โดยรุ่นที่เป็นข่าวมากที่สุดมีชื่อว่า HTC Accord หรือที่ชื่อเป็นทางการอาจจะเรียกว่า 8X นั่นเอง แต่ว่านั่นแหละครับการมาของ WIndows Phone 8 จาก HTC ก็ไม่ได้มีกระแสตอบรับที่ดีมากเท่าไรนัก คือไม่ได้ดีเท่ากับ Nokia หรืออาจจะ Samsung เอง แถมการมาเป็นอันดับ 3 หลังจากทั้ง 2 ค่ายนั้นแล้วก็เหมือนตกที่นั่งลำบากพอสมควร เพราะจำเป็นต้องนำเสนอสิ่งที่เรียกว่า ว้าว! จริงๆ ว้าวกว่าทั้ง ATIV S หรือ Lumia 920 ถึงจะพอเกาะกระแส Windows Phone 8 ในปีนี้ไปได้
Windows Phone 8 จาก HTC กับอีกคืนที่ดีหรืออาจจะเหนื่อย ? events article
ถามว่า HTC จะมีดีอะไรใน Windows Phone 8 อันนี้ตอบยากเพราะสิ่งที่ HTC เน้นอยู่ตอนนี้คงเป็นเรื่องหลักๆอย่างกล้องและเสียง อย่างที่ HTC One Series ทำออกมา ทั้งการมี Beats Audio และ Chip Image sense แต่ทั้ง 2 ก็พิสูจน์มาแล้วว่าไม่อาจต้านทานอีกแบรนดอย่าง Samsung ได้ ถึงแม้จะได้ แต่ก็ทำได้ไม่ดีกว่ามากนั่นเอง
HTC เองเคยเป็นข่าวว่าจะทำ Windows Phone 8 ที่มีกล้อง 16 ล้านพิกเซลออกมา ซึ่งถ้าเป็นไปตามข่าวจริง ต้องบอกเลยละครับว่า นี่แหละ Highlight ของ Windows Phone 8 จาก HTC นอกจากนี้แบรนด์อย่าง HTC ขึ้นชืื่อเรื่องของวัสดุตัวเครื่อง, การออกแบบอยู่แล้ว ถ้ามาผนวกรวมกันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
Windows Phone 8 จาก HTC กับอีกคืนที่ดีหรืออาจจะเหนื่อย ? events article
ถ้าเกิดว่า HTC ทำอะไรผิดแปลกแหวกแนวไปจาก Windows Phone ที่ Microsoft วางไว้ ?
HTC ขึ้นชื่อเรื่องการทำ User Interface หรือ UI อยู่แล้ว แม้บน Android เองก็มีหน้าตาที่ดูดีอลังการงานสร้าง หลายคนชอบ แต่กับ Windows Phone แล้วกลายเป็นข้อจำกัดไปโดยปริยายเพราะ Live Tiles ของ Windows Phone นั่นเอง อย่างมากที่ HTC ทำได้ก็แค่เรื่องของ App ของตัวเองที่สามารถไปปรับอะไรให้อลังการได้ตามใจชอบ แต่นั่นก็ไม่ใช่ทางที่ดีเท่าไรนัก
ถ้า HTC เกิดทำ UI มาแทนที่ Live Tiles ของ Windows Phone หรือเกิดปรับแต่งหน้าตาการจัดเรียงเมนูให้แตกต่างออกไปจากแบรนด์อื่นขึ้นมา ซึ่งก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ว่า Microsoft คงไม่ชอบใจเรื่องนี้แน่นอน โอกาสเกิดเลยยากมากๆ แต่ถ้ามีก็อาจจะเกิดก็ได้ใครจะไปรู้
Windows Phone 8 จาก HTC กับอีกคืนที่ดีหรืออาจจะเหนื่อย ? events article
ทำไมต้อง 3 รุ่น ?
หลังจากงาน MWC 2012 ที่สเปนคงทราบกันไปแล้วว่าทาง HTC เปิดตัว One Series ออกมาซึ่งมี 3 รุ่นด้วยกันคือลุยตลาดระดับ ล่าง, กลาง, สูง ถือเป็นกลยุทธ์ใหม่ของ HTC ที่วางอุปกรณ์ Hero ของตัวเอง Segment ละ 1 รุุ่น ไม่ได้ซอยให้มันหยิบย่อยเหมือนหลายปีที่ผ่านมา
แน่นอน Windows Phone 8 จาก HTC ก็คงเหมือนกันคือทำออกมาตอบรับในตลาดที่แตกต่างกันตลาดละ 1 รุ่น มี Spec ที่แตกต่างกันไปแต่ก็ Based อยู่บนความสามารถคล้ายๆกัน ถึงแม้ว่า One Series จะไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกตัว แต่ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจมากๆเลยทีเดียว เพราะสิ่งที่ทำให้กลยุทธ์ One Series แพ้ผมมองว่าแค่เรื่องของ Spec (ที่จริงก็ไม่มาก) และปัญหาการผลิตเท่านั้น นอกนั้นถือว่าทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
Windows Phone 8 จาก HTC กับอีกคืนที่ดีหรืออาจจะเหนื่อย ? events article
HTC กับความสำเร็จของ Windows Phone 7 ในปีที่ผ่านมา ?
HTC เปิดตัว Windows Phone หลายรุ่นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทั้ง HTC Titan, HTC HD7, HTC Mozart เป็นต้น แต่ทั้งหมดมาตกม้าตายที่ตลาดประเทศไทยเพราะว่า Windows Phone 7 ไม่มีภาษาไทยอย่างเป็นทางการนั่นเองทำให้แป๊กไปมากเลยทีเดียว แต่ถ้ามองในตลาดโดยรวมทั้งโลกเฉพาะตลาด Windows Phone ทาง HTC ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียวในช่วงแรก แต่หลังจากการมาของ Nokia เมหือนโลกพลิกเพราะ Nokia กลับดูน่าสนใจและมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นสรุปได้ว่า Windows Phone 7 จาก HTC ประสบความสำเร็จไหม ผมยังมองว่า “ไม่ดีเท่าที่ควร” ที่ดีก็คือเรื่องของการมาเป็นรายแรกๆ แต่ถ้ามองในระยะนึงแล้วจะเห็นได้ชัดว่า HTC ไม่ได้มีจุดเด่นเรื่องของ Windows Phone แตกต่างจากเจ้าอื่นๆเท่าไรนัก
Windows Phone 8 จาก HTC กับอีกคืนที่ดีหรืออาจจะเหนื่อย ? events article
แล้วผลลัพธ์จะออกเป็นยังไง ?
HTC ก็เป็นอีกแบรนด์ที่หลายๆคนเชื่อมั่นเพราะว่าก็เป็นแบรนด์ที่อยู่มานานระยะนึงแล้ว เรื่องของตลาดต่างๆกันมีการเข้าไปฝั่งตัวอยู่นานแล้วพอสมควร ดังนั้นความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ย่อมมีมากพอสมควรอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามถามว่าจะประสบความสำเร็จกับ Windows Phone 8 ไหมยังคงคลุมเครือเพราะว่าการมี Nokia เป็น 1 ในคู่แข่งก็ถือว่าลำบากมากเพราะ Nokia ตอนนี้ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของ Windows Phone ไปแล้ว ซึ่งก็เลยทำให้ยากเหมือนกันที่แบรนด์อื่นจะขาย Windows Phone แล้วดูโดดเด่นเป็นสัญลักษณ์มากกว่า Nokia
มาถึงจุดนี้ทาง HTC ต้องสร้างจุดเด่นให้อุปกรณ์ Windows Phone 8 ของตัวเองแล้วละครับ ไม่ว่าจะเป็นการดึง Beats Audio, Image sense หรือวัสดุเทพ หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีอื่นๆที่น่าสนใจ ก็คือต้องจับมายัดลงในอุปกรณ์ Windows Phone 8 ของตัวเองให้ได้แล้วละครับ
เคยมีข่าวเหมือนกันว่าทาง HTC สนใจที่จะลงไปลุยหนักกับ Windows Phone 8 แต่ก็ไม่ได้มีการโต้ตอบอะไรกลับมา อันนี้ก็คงเป็นเรื่องของอนาคต
ยังไงคืนนี้ใครที่เป็นแฟนๆ ของ Windows Phone หรือแฟนๆของ HTC ก็มารอติดตามข่าวการเปิดตัวอุปกรณ์ในงานแถลงข่าวของ HTC กันได้ครับผม เวลาประมาณ 5 ทุ่ม ประเทศไทยครับ
ที่มา: HTCPocketNow
คัดลอกจาก:http://www.mxphone.net/190912-windows-phone-8-from-htc-dream-or-nightmare/

Skype บน Windows Phone 8 เจ๋งโพด


[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ในงาน COMMART COMTECH 2012 ที่กำลังจะเริ่มในวันพฤหัสที่ 15 - 18 พฤศิจกายน ศกนี้ที่ศูนย์สิริกิติ์ คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip นอกจากจะได้เลือกแท็บเล็ต และอัลตร้าบุ๊ก Windows 8 จากผู้ผลิตทุกรุ่นแล้ว ในงานนี้ยังมีสมาร์ทโฟน Windows Phone 8 ที่น่าสนใจอย่าง Nokia Lumia 920 อีกด้วย ซึ่งสำหรับวินโดวส์โฟน 8 ล่าสุดมีรายงานข่าวเกียวกับแอพฯ ที่น่าสนใจออกมามากมาย อย่างเช่น Skype สำหรับโอเอสตัวนี้
รายงานข่าวล่าสุด Skype สำหรับผู้ใช้ Windows Phone 8 พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้ว ซึ่งคาดว่า น่าจะสร้างความประทับใจใหักับผู้ใช้ได้ไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะฟีเจอร์ของการทำงานในแบคกราวด์ (เหมือน Windows 8) ที่ผู้ใช้สามารถลอกอินครั้่งเดียว แล้วระบบยังคงออนไลน์พร้อมใช้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ ความลับของฟีเจอร์นี้ก็คือ การที่ไมโครซอฟท์โฮสต์สถานะการล็อกอินของคุณไว้บนคลาวด์เซิร์ฟเวอร์แทนการใช้งานบนสมาร์ทโฟน ซึ่งทำให้คุณสามารถออนไลน์ได้ตลอดเวลา แถมคุณยังสามารถตั้งค่าให้แสดงสถานะเป็น "invisible" เพื่อให้คนอื่นๆ เข้าใจว่า คุณออฟไลน์อยู่ได้อีกด้วย
นอกจากคุณสมบัติใหม่ของ Skype for Windows Phone 8 ที่ให้คุณสามารถออนไลน์ได้ตลอดเวลาแล้ว มันยังมีฟีเจอร์ Video Chat หรือการสนทนาแบบเห็นหน้ากันอีกด้วย ซึ่งบน Windows Phone 8  ที่กำหนดให้สเป็กฮาร์ดแวร์แรงขึ้นกว่าเดิม ทำให้ฟีเจอร์นี้มีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นไปด้วย (สเป็กขั้นต่ำของ Windows Phone 8 จะต้องใช้โพรเซสเซอร์ "ดูอัลคอร์" ความเร็ว 1.5GHz ขึ้นไป และใช้ GPU ใหม่) ผู้ใช้สามารถแชทในขณะคุยได้ ตลอดจนสลับเสียงจากสปีกเกอร์โฟน หรือหูฟังได้ อีกทั้งยังสามารถมินิไมซ์คอลล์ หรือแม้แต่ปิดหน้าจอได้อีกด้วย เรียกได้ว่า ตอบโจทย์การใช้งานได้ลื่นไหล โดยผู้ใช้สามารถใช้ SKype ในการโทรด้วยประสบการณ์เดียวกันกับการใช้โทรศัพท์ปกติเลย ซึ่งคุณผู้อ่านสามารถดาวน์โหลดแอพ Skype for Windows Phone 8 ได้จากสโตร์แล้ว

คัดลอกจาก:http://www.arip.co.th/news.php?id=415834

Windows Phone 8 : สรุปฟีเจอร์สำคัญ หน้า Homescreen ลูกเล่นใหม่ รองรับ NFC รองรับ microSD card และคีย์บอร์ดภาษาไทย


[21-มิถุนายน-2555] เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ กับระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 ในงาน Microsoft's 2012 Developer Summit สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟน ในตระกูล Windows Phone ซึ่งการเปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 นั้น ถือว่า เป็นความก้าวหน้าอีกขั้น ที่จะสามารถทัดเทียมคู่แข่งในวงการได้ ไม่ว่าจะเป็น Android หรือ iOS ก็ตาม โดยความพิเศษของระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 ก็คือ ใช้คอร์เดียวกับ Windows 8 นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ เคอร์เนลตัวเดียวกัน ระบบไฟล์ รองรับมัลติมีเดีย และอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 นั้น ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ที่น่าสนใจขึ้นมามากมายเลยทีเดียว สรุปได้ดังนี้ครับ
รองรับ Multi-core Processor
ปกติแล้ว Windows Phone ที่จำหน่ายในตลาดทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น Nokia Lumia หรือ Windows Phone รุ่นก่อนหน้าอย่าง HTC HD 7 จะใช้ระบบประมวลผลแบบ Single-core Processor ครับ ซึ่งในตอนนั้น คนส่วนใหญ่มองว่า ล้าหลังมาก เนื่องจากค่ายคู่แข่ง เป็นแบบ Dual-core หรือ Quad-core กันเสียส่วนใหญ่แล้ว ซึ่งระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 สามารถรองรับซีพียูแบบ Multi-core ตั้งแต่ Dual-core Processor ขึ้นไปครับ โดยในตอนนี้ ทางไมโครซอฟท์ จะเน้นซีพียูแบบ Dual-core Processor ก่อน ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาไปจนถึง 64-core เลยทีเดียว ส่วนชิปเซ็ทที่ใช้บนระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 นั้น เป็นชิปเซ็ทของ Qualcomm Snapdragon S4 chipset ครับ
ถ้าหากใครเคยสัมผัสกับ Windows Phone มาก่อนหน้านั้นแล้ว จะพบว่า ถึงแม้จะเป็นแค่คอร์เดียว หรือ Single-core ตัวเครื่องก็ทำงานได้ลื่นมากอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นซีพียูแบบ Dual-core คงจะทำงานได้ดีขึ้นเท่าตัวอย่างแน่นอน
ใช้เคอร์เนลเดียวกับ Windows 8
ความหมายของเคอร์เนลเดียวกับ Windows 8 จะเป็นผลดีต่อนักพัฒนาตรงที่ เกม 1 เกม สามารถใช้งานได้ทั้ง Windows 8 และ Windows Phone 8 ครับ โดยที่ไม่ต้องเขียนโค้ด 2 รอบ ถือว่า สะดวกสบายมากเลยทีเดียว
รองรับความละเอียดหน้าจอสูงสุดที่ HD 720p
Windows Phone 8 รองรับความละเอียดของหน้าจอทั้งหมด 3 ระดับด้วยกัน ซึ่งได้แก่ WVGA (800 x 480 พิกเซล), WXGA (1280 x 768 พิกเซล) และ 720p (1280 x 720 พิกเซล) ซึ่ง Windows Phone รุ่นใหม่ที่รองรับ Windows Phone 8 จะมีความละเอียดหน้าจอที่เท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตจะเลือกใช้ตามรุ่นที่กำหนดครับ
รองรับ microSD card แล้ว
น่าจะเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการมากที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ กับการเพิ่มเนื้อที่จัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องด้วย microSD card ซึ่งสามารถเก็บรูปภาพ คลิปวิดีโอ เพลง หรือแม้แต่แอพพลิเคชั่น ก็ยังสามารถจัดเก็บได้เช่นกัน
รองรับเทคโนโลยี NFC กับฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Wallet
จากข้อมูลที่ระบุว่า Google มี NFC สำหรับการจ่ายเงิน ส่วน Apple ก็มี PassBook ไว้สแกนเพื่อเช็คอิน หรือเก็บคูปองส่วนลด ซึ่งไมโครซอฟท์ (Microsoft) ได้เกทับ ด้วยการบอกว่า "มีทั้งคู่" โดยสร้างเป็นฟีเจอร์ใหม่ ที่มีชื่อว่า Wallet ครับ ที่รองรับการใช้จ่ายผ่านเทคโนโลยี NFC ซึ่งในตอนนี้ได้ดิวกับพาร์ทเนอร์หลายเจ้าแล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Chase bank หรือ Orange France หรือแม้แต่ การ Deal โดยใช้คูปอง ก็มีครับ
ส่วนการส่งข้อมูลผ่านทาง NFC นั้น การใช้งานคล้ายกับ Android Beam บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ครับ ด้วยการ Tab + Send ก็คือ นำ Windows Phone ไปแตะกับอีกเครื่อง แล้วส่งข้อมูลผ่านกันได้เลย ที่สำคัญคือ ฟีเจอร์นี้ สามารถใช้งานข้ามแพลทฟอร์มได้อีกด้วย
หน้าจอ Homescreen แบบใหม่
 
สำหรับ Windows Phone 8 นั้น ยังคงคอนเซปท์ของ User Interface แบบ Live Tile อยู่ แต่ได้มีการปรับระดับทั้งหมด 3 ขนาดครับ คือ เล็ก กลาง ใหญ่ ซึ่งสะดวกตรงที่สามารถปรับขนาดของ Live Tile ได้ สามารถย่อ หรือขยายก็ได้ เปลี่ยนสีได้ตามใจชอบ คล้ายกับการปรับบน Windows 8 ครับ
ใช้ Internet Explorer 10
สำหรับ IE 10 บน Windows Phone 8 นั้น มีฟีเจอร์การใช้งานแบบเดียวกับบน Desktop ยกตัวอย่างเช่น การแจ้งเตือนเว็บไซต์อันตราย ที่เสี่ยงต่อการติดไวรัส นอกจากนี้ ยังรองรับ HTML5 และประมวลผลจาวาสคริปต์ได้เร็วกว่า Windows Phone 7.5 ถึง 4 เท่าเลยทีเดียว
ปรับปรุงการทำงานของกล้อง เพิ่มพาโนรามา และ Burst shot
นอกจากจะมีการปรับปรุงในเรื่องของระบบประมวลผลแล้ว ในส่วนของการใช้งานกล้องถ่ายภาพ ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 ได้มีการปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นครับ โดยการเพิ่มการถ่ายภาพแบบพาโนรามา และระบบการถ่ายภาพรัวแบบ Burst shot ซึ่งวินโดว์โฟนรุ่นใหม่ ที่รองรับ Windows Phone 8 นั้น จะมีปุ่มชัตเตอร์สำหรับถ่ายภาพเพิ่มมาด้วย (บางรุ่น)
เป็นหนึ่งเดียวกับ Skype และ VoIP
จากภาพหลุดการใช้งาน Skype บนระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 (ข่าวเก่า) ได้เผยให้เห็นอย่างเป็นทางการในงานนี้แล้วครับ ซึ่งการใช้งาน Skype คงจะนึกภาพกันออกอยู่แล้วว่า เป็นอย่างไร ส่วน VoIP นั้น หมายความว่า สามารถใช้งานโทรศัพท์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่นเดียวกับเรากดโทรออกแบบปกตินั่นเอง โดยเวลาที่มีสายเรียกเข้า ไม่ว่าจะเป็นข้อความเสียง หรือว่า Video call หน้าตาจะเหมือนกับเวลามีคนโทรศัพท์เข้ามาครับ แต่จะมีการบอกว่า สายเรียกเข้านี้ มาจากแอพพลิเคชั่นอะไร ซึ่งเมื่อกดรับ ระบบจะพาเข้าสู่หน้าแอพพลิเคชั่นนั้นทันที
แผนที่ Nokia Maps
สำหรับ Nokia Maps นี้ เรียกได้ว่า เปิดตัวในงานนี้เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ โดยเป็นแผนที่แบบ Built-in ครับ มีอยู่ใน Windows Phone 8 ทุกเครื่อง ไม่ใช่เฉพาะ Nokia Lumia แค่รุ่นเดียว โดย Nokia Maps นี้ มีระบบนำทางแบบ Turn-by-turn และที่สำคัญ สามารถใช้งานแบบออฟไลน์ โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ได้อีกด้วย
รองรับเพิ่ม 50 ภาษา มีคีย์บอร์ดภาษาไทยแล้ว
นับว่า เป็นข่าวดีสำหรับชาวไทย ที่ชอบ Windows Phone แต่ติดตรงที่ไม่มีคีย์บอร์ดภาษาไทยรองรับ ซึ่งระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 นั้น ได้รองรับคีย์บอร์ดภาษาไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นคีย์บอร์ดแบบ 4 แถวครับ
รองรับ Enterprise และ Business
สำหรับองค์กรธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัยสูง ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 รองรับ secure boot และการเข้ารหัสแบบ Bitlocker รวมถึงการจัดการในด้านอื่นๆ ด้วย ซึ่งทางไมโครซอฟท์ ได้เปิดเผยว่า ยังได้มีการปรับปรุง Microsoft Office ให้ดีขึ้น แต่ยังไม่ได้ระบุรายละเอียดว่า มีด้านใดบ้าง
วินโดว์โฟนรุ่นเก่า ไม่สามารถใช้งาน Windows Phone 8 ได้
นับว่า เป็นข่าวร้ายของผู้ใช้งาน Windows Phone 7.5 Mango ครับ เพราะไม่สามารถอัพเดทตัวเครื่องให้ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 ได้อย่างแน่นอนแล้ว เป็นเพราะว่า ซอฟท์แวร์ที่ใช้อยู่นั้น ไม่รองรับกับ Windows Phone 8 นั่นเอง แต่ทางไมโครซอฟท์ (Microsoft) ยังไม่ละทิ้งวินโดว์โฟนรุ่นเก่าครับ ด้วยการออก Windows Phone 7.8 มาให้ใช้แทน ซึ่งมี User Interface ที่เหมือนกับ Windows Phone 8 ครับ แต่ตัดฟีเจอร์บางอย่างออกไป อย่างเช่น NFC เป็นต้น
เมื่อไหร่ผู้ใช้งานถึงจะได้ใช้ Windows Phone 8?
ตามข่าวคือ ประมาณไตรมาสที่ 4 นี้ ผู้ที่รอคอยสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ที่รองรับระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 นั้น จะได้สัมผัสตัวจริงกันอย่างแน่นอน ซึ่งในตอนนี้ มีผู้ผลิต Windows Phone 8 ทั้งหมด 4 แบรนด์ด้วยกัน ได้แก่ Nokia, Samsung, HTC และ Huawei โดยแต่ละแบรนด์ ก็จะมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไปครับ

 คัดลอกจาก:http://www.techmoblog.com/windows-phone-8/


รีวิว Windows Phone 7.5 Mango ฉบับคนเพิ่งใช้ครั้งแรก



Windows Phone
ผู้อ่าน Blognone คงทราบกันดีว่า โนเกียกำลังจะขายมือถือ Lumia ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Phone อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการทำตลาด Windows Phone อย่างจริงจังครั้งแรกในไทยด้วย (นอกเหนือไปจาก Windows Phone รุ่นแรกที่จับตลาดเฉพาะ early adopter เมื่อปีที่แล้ว)
ตัวแทนของโนเกียส่ง Lumia 710 มาให้ผมรีวิวเรียบร้อย ซึ่งคิดไปคิดมาแล้ว หลายๆ คนน่าจะเป็นแบบเดียวกันกับผม คือเพิ่งเคยใช้ Windows Phone เป็นครั้งแรก และอาจยังนึกภาพไม่ออกว่าการใช้งานจริงๆ มันเป็นอย่างไรบ้าง
ดังนั้นรีวิวชุดนี้จะแยกเป็น 2 ตอนคือ ส่วนของ Windows Phone 7.5 Mango ในตอนนี้ และส่วนของฮาร์ดแวร์ Lumia 710 + ซอฟต์แวร์ของโนเกีย ในตอนหน้านะครับ
หมายเหตุ: เนื่องจาก Windows Phone 7.5 ยังไม่รองรับการจับภาพหน้าจอโดยไม่ unlock เครื่อง และเนื่องจากมันเป็นเครื่องขอยืมมา ผมก็ไม่สามารถจับภาพหน้าจอด้วยตัวเองได้ ภาพประกอบในบทความนี้จึงใช้วิธีถ่ายรูปเอา (เว็บเมืองนอกก็ใช้แบบนี้กันเกือบหมด) หรือไม่ก็ใช้ภาพ press image จากเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์-โนเกียแทน

เริ่มต้นกับ Windows Phone

Blognone รายงานข่าวเรื่อง Windows Phone กันมาเยอะมากแล้ว คงไม่ต้องเท้าความไปถึงแนวคิดหรือที่มาที่ไปของ Windows Phone และ Metro UI กันอีกแล้ว เราเข้าไปที่การใช้งานจริงกันเลยดีกว่าครับ
การใช้งาน Windows Phone เริ่มจากหน้า lock screen ซึ่งไม่มีอะไรต่างไปจาก lock screen ของระบบปฏิบัติการอื่นๆ มากนัก นั่นคือมีภาพพื้นหลัง นาฬิกา วันที่ และการแจ้งเตือนอื่นๆ เช่น อีเมล นัดหมาย สายที่โทรเข้ามา ฯลฯ
การปลดล็อคหน้าจอทำโดยสไลด์หน้าจอขึ้นไปด้านบน จากนั้นเราจะพบกับหน้าจอ Start ซึ่งประกอบด้วย Live Tiles เรียงกันลงไปในแนวบน-ล่าง
ทุกครั้งที่เรากดปุ่ม Start บนตัวเครื่องมือถือ มันจะพาเรากลับมายังหน้าจอ Live Tiles นี้เสมอ
ที่มุมขวาบนของหน้าจอ Start มีลูกศรชี้ไปทางขวามือ กดแล้วจะเห็นรายการแอพทั้งหมดภายในเครื่อง เรียงลงไปตามแนวบน-ล่างเช่นกัน
สรุปว่าหน้าจอพื้นฐานของ Windows Phone มีเพียงแค่ 2 จอเท่านี้ คือ หน้าจอซ้ายสำหรับแอพที่ใช้บ่อยๆ ก็ปักเป็น Tiles เอาไว้ ส่วนหน้าจอขวาก็เอาไว้เรียกแอพที่นานๆ ใช้ที เราสามารถปาดซ้าย-ขวาเพื่อสลับไปมาระหว่างสองหน้าจอนี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องกดปุ่มลูกศรเสมอไป
สำหรับคนที่คุ้นกับระบบปฏิบัติการหน้าจอเยอะๆ แบบ Android อาจรู้สึกแปลกๆ กับหน้าจออันน้อยนิดของ Windows Phone บ้าง แต่ก็ไม่มีปัญหาอันใดต่อการใช้งานครับ

Live Tiles

Live Tiles ถือเป็นจุดขายหลักของ Windows Phone เลยก็ว่าได้ แนวคิดของมันเป็นลูกผสมระหว่างไอคอนกับ widget ทำหน้าที่ทั้งเป็นช็อตคัตของแอพ และแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ จากแอพตัวนั้น
ไม่ใช่ Tiles ทุกตัวที่สามารถแสดงข้อมูลได้ บางตัวเป็นแค่ไอคอนเท่านั้น ตัวอย่างเช่น IE หรือ Settings พวกนี้เป็นแค่ไอคอนที่ช่วยให้เราเรียกแอพได้สะดวก
โดยรวมแล้ว Tiles ทำงานตอบโจทย์การใช้งานได้ดี แนวคิดดูแปลกใหม่ แต่ข้อติก็คือการวางหน้าจอ Tiles ของไมโครซอฟท์ยังไม่มีประสิทธิภาพมากนัก เพราะจากภาพจะเห็นว่าหน้าจอปกติแสดง Tiles ได้ประมาณ 8 อัน (Tiles อันล่างๆ ถูกตัดตกขอบไปสักเล็กน้อยด้วย) ทำให้คนที่มี Tiles แบบแจ้งเตือนเยอะๆ ต้องเลื่อนลงไปดูข้อมูลอยู่บ่อยๆ
ผมคิดว่าถ้าไมโครซอฟท์ปรับหน้าจอ Tiles ให้แต่ละตารางมีขนาดเล็กลง และยัดข้อมูลมาได้สัก 3 คอลัมน์ น่าจะช่วยให้การใช้หน้าจอมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ครับ (แต่ก็ต้องแลกมาด้วยหน้าจอที่ซับซ้อนขึ้นล่ะนะ)
ปัญหาอีกประการหนึ่งของ Windows Phone ที่ไมโครซอฟท์ควรใช้ Tiles ช่วยคือ Windows Phone ไม่มีวิธีเปิด-ปิดฟีเจอร์ที่ใช้บ่อย เช่น Wi-Fi, 3G, Bluetooth, GPS แบบง่ายๆ ต้องเข้าไปยังหน้า Settings เท่านั้น
ปัญหานี้ Android แก้โดยแนบ Toggle Widget มาให้เลย ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นมาก กรณีของ Windows Phone สามารถทำแบบเดียวกันโดยเพิ่ม Tiles สำหรับตั้งค่าพวกนี้มาให้ด้วย แต่ไมโครซอฟท์ก็ยังไม่ทำเรื่องนี้ใน Mango ต้องใช้วิธีโหลดแอพภายนอกมาติดตั้งเอาเอง (ใน Marketplace มีแอพ Cellular Data ที่ไมโครซอฟท์ทำเองให้หนึ่งตัว ถ้าอยากเปิดปิดอย่างอื่นต้องหากันเอง)

App List

หน้าจอรายชื่อแอพนั้นตรงไปตรงมามาก คือมีรายชื่อแอพพร้อมไอคอน แสดงเรียงตามตัวอักษรยาวลงไปเรื่อยๆ เท่าจำนวนแอพที่เราติดตั้งไว้ในเครื่อง
ไมโครซอฟท์คงไม่อยากให้ระบบปฏิบัติการซับซ้อน เลยไม่ให้วิธีจัดกลุ่มรายการแอพใดๆ มาให้เลย ดังนั้นถ้าอยากเรียกแอพแบบรวดเร็วก็ต้องปักหมุดไว้ใน Tiles หรือจะกดปุ่มค้นหาที่มุมซ้ายบน แล้วพิมพ์ชื่อแอพเอาก็ได้
ผมคิดว่าทั้งสองวิธีนี้ยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเต็มที่นัก เพราะบางทีเรานึกชื่อแอพไม่ออก จะพิมพ์หาก็คงใช้ไม่ได้ทุกครั้งไป ส่วนการปักหมุดใน Tiles ก็อย่างที่บอกคือเวลา Tiles เริ่มยาวๆ ก็ต้องเลื่อนหาเยอะอยู่ดี
วิธีการปักหมุดเป็น Tiles ให้เรากดค้างไว้ที่รายชื่อแอพ จะมีคำสั่ง pin to start โผล่ขึ้นมา (ในกรณีที่เป็นแอพที่เราติดตั้งเองผ่าน Marketplace จะมีคำสั่ง rate/review และ uninstall เพิ่มเข้ามาด้วย)

การสลับแอพ

การสลับแอพที่เปิดอยู่ ให้ใช้วิธีกดปุ่ม Back ค้างเอาไว้เพื่อเข้าหน้าจอ multitasking ซึ่งจะแสดง thumbnail ของแอพที่เปิดอยู่ขึ้นมา เลื่อนซ้ายขวาเพื่อสลับไปยังแอพที่ต้องการ (คล้ายกับ webOS แต่ปัดขึ้นเพื่อปิดแอพแบบ webOS ไม่ได้)
การปิดแอพเหมือนกับ Android/iOS คือไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับมัน ระบบปฏิบัติการจัดการให้เองทั้งหมดครับ ซึ่งกรณีของ Windows Phone ผมลองแล้วพบว่าจัดการเรื่องประสิทธิภาพได้ค่อนข้างดีกว่า Android มาก เนื่องจากมีแอพเพียงบางตัวเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นจะเปิดแอพมากหรือน้อยก็ไม่ค่อยมีผลกับระบบสักเท่าไร
การทำงานของ Windows Phone ลื่นไหลมาก แอนิเมชันสวยงาม ตรงนี้คงไม่กล่าวถึงเยอะ ใครอยากเห็นก็หาวิดีโอหรือของจริงดูกันเองได้ไม่ยาก

Status Bar

Windows Phone ไม่มี status bar ที่แสดงผลค้างเอาไว้ด้านบนของหน้าจอเหมือนกับ Android/iOS และนี่เป็นสิ่งที่น่าหงุดหงิดมากอย่างหนึ่ง
status bar ของ Windows Phone มีด้วยกัน 3 โหมด คือ
  1. ไม่แสดง status bar เลย
  2. แสดงเฉพาะนาฬิกาที่มุมขวาบน
  3. แสดงข้อมูลครบ ทั้งสัญญาณมือถือ ไอคอนต่างๆ และแบตเตอรี่
ปัญหาของ Windows Phone คือรูปแบบของ status bar แตกต่างกันออกไปตามแต่ละหน้าจอครับ เท่าที่ผมสังเกตได้ ถ้าเข้าแอพตระกูล Hub ทั้งหลาย จะไม่แสดง status bar เลย (ไม่เสมอไป) แต่ถ้าเป็นหน้าจอทั่วๆ ไปมักแสดงเฉพาะนาฬิกา
ส่วน status bar แบบเต็ม เราสามารถสั่งให้มันโผล่ขึ้นมาโดยเอานิ้วกดตรงนาฬิกาแล้วปัดลงมา เราจะเห็นข้อมูลสถานะต่างๆ ครบถ้วนอยู่ระยะหนึ่ง แล้วมันปิดกลับไปเป็นแค่นาฬิกาเหมือนเดิม
การทำงานแบบนี้ไม่เวิร์คอย่างแรง เพราะเรามักต้องการรู้ว่าตอนนี้ต่อเน็ตอยู่หรือไม่ สัญญาณ Wi-Fi เป็นอย่างไร แบตใกล้หมดหรือยัง ฯลฯ ซึ่งผมคิดว่าแสดงค้างไว้แบบระบบปฏิบัติการอื่นๆ ดีกว่า และไม่ได้เปลืองที่อะไรมากมายนัก

Notification

สำหรับการแจ้งเตือนเหตุการณ์ต่างๆ เช่น SMS เข้า, อีเมลใหม่, นัดหมาย ฯลฯ ตามปกติแล้วจะแสดงบน Tiles โดยตรง
แต่ในเหตุการณ์สำคัญบางกรณี เช่น SMS เข้า หรือมีคนแชทมาหาเรา มันจะขึ้นแถบแจ้งเตือนที่ขอบด้านบนของทุกหน้าจอในตอนนั้น ดังภาพ
กดแล้วจะเข้าไปยังหน้าจอของแอพที่แจ้งเตือนเรามาด้วย ไม่ต่างอะไรกับระบบปฏิบัติการอื่นๆ

Metro Apps

หมดเรื่องของการทำงานพื้นฐานของตัวระบบ มาดูส่วนของแอพกันบ้างนะครับ
แอพของ Windows Phone ส่วนใหญ่ออกแบบด้วย Metro UI ที่ใช้การเลื่อนหน้าจอไปด้านซ้ายหรือขวาเรื่อยๆ (เลื่อนเป็นวงกลม คือสุดด้านใดด้านหนึ่งแล้ววนกลับ)
จริงๆ แล้วการออกแบบแอพลักษณะนี้เหมือนกับ "แท็บ" เพียงแต่ดีไซน์ให้สวยหน่อยตามสไตล์ Metro เท่านั้น เท่าที่ใช้แอพลักษณะนี้มา ผมว่าเข้าใจง่ายดี คือแอพทุกตัวใช้ UI คล้ายๆ กันหมดทำให้เราคุ้นกับการเลื่อนซ้าย-ขวาไปเรื่อยๆ เวลาเข้าไปในตัวแอพ (มีแอพบางตัวเหมือนกันที่ไม่ใช้ UI แบบนี้ เช่น IE หรือ เครื่องคิดเลข แต่แอพสำหรับงานเฉพาะทางแบบนี้ก็คงทำหน้าตาที่ต่างออกไปลำบาก)
จุดที่อาจปรับปรุงได้อีกหน่อยคือ แอพลักษณะนี้ใช้พื้นที่สำหรับแสดงข้อความตรงส่วนหัวมากไปหน่อย (ชื่อแอพและแท็บ) ทำให้เหลือพื้นที่แสดงผลจริงน้อยลง
อีกประเด็นที่ผมใช้แล้วไม่ค่อยชอบ คือ "ทูลบาร์" สำหรับปุ่มสั่งงานต่างๆ ของแอพบน Windows Phone ที่วางไว้ขอบด้านล่างสุดของจอ ทูลบาร์เหล่านี้แสดงเฉพาะไอคอนของปุ่มเท่านั้น ปัญหาอยู่ที่ว่ามันดูไม่ออกว่าเป็นปุ่มอะไรในหลายๆ ครั้ง (โดยเฉพาะพวกไอคอนแปลกๆ) ซึ่งเราต้องกดตรงไอคอน ... ทางขวามือ มันจะแสดงคำอธิบาย (label ของปุ่ม) ขึ้นมาให้เห็น พร้อมกับคำสั่งอื่นๆ (ถ้ามี) เพราะ Windows Phone อนุญาตให้วางปุ่มคำสั่งแค่ 4 ปุ่มเท่านั้น

Settings

หน้าจอ Settings ของ Windows Phone แบ่งออกเป็น 2 แท็บ คือ เซ็ตค่าของระบบ และเซ็ตค่าของแอพพลิเคชันที่มากับระบบ (แอพลงเองก็ไปเซ็ตแยกกันเองในแอพแต่ละตัว)
สำหรับหน้าจอตั้งค่าคงไม่มีอะไรซับซ้อนมาก เป็นค่าแต่ละหมวดเรียงลงไป (ไม่เรียงตามตัวอักษร) ที่ใช้บ่อยหน่อยคงเป็นการเปิดปิดฟีเจอร์ต่างๆ ของฮาร์ดแวร์
ส่วนที่น่าสนใจคือธีม (Theme) ที่สามารถเปลี่ยนสีพื้นหลังได้ 2 แบบ (ขาว-ดำ) และเปลี่ยนสีไฮไลต์ (Accent Color) ซึ่งเป็นพื้นหลังของ Tiles และปุ่มต่างๆ ได้อีกจำนวนหนึ่ง
อีกหน้าจอที่น่าสนใจคือ email+account ที่ให้เราตั้งค่าบัญชีอีเมลหรือ social network ต่างๆ
เรื่องบัญชีอีเมลคงไม่ต่างอะไรกับระบบปฏิบัติการอื่นๆ คือป้อนข้อมูลแล้วใช้งานได้ทันที ที่น่าสนใจกว่าคือบัญชี social network ที่รองรับทั้ง Windows Live, Facebook, Twitter, LinkedIn มาตั้งแต่แรก (จะกล่าวต่อไปในส่วนของ People Hub)

Hub

นอกเหนือจากเรื่อง Live Tiles ที่เป็นจุดขายหลักของ Windows Phone แล้ว ก็คงต้องยกให้กับแนวคิดเรื่อง Hub ที่โดดเด่นและยังหาระบบปฏิบัติการอื่นมาเทียบเคียงได้ยาก
แนวคิดการออกแบบ Hub ของ Windows Phone คือการผนวกรวมเครือข่ายสังคมและบริการออนไลน์ต่างๆ เข้ามารวมกันที่ตัวระบบปฏิบัติการ โดยตัวระบบปฏิบัติการจะแยกตาม "ลักษณะงาน" ให้ (เช่น รูปภาพ เกม สถานะ) แต่รวมเครือข่ายที่ต่างกันเข้ามาไว้ที่เดียวกัน (เช่น ภาพจาก SkyDrive กับภาพจาก Facebook อยู่ใน Pictures Hub ด้วยกัน)
การใช้งานทั้งหมดทำผ่านตัว Hub เลย ไม่ต้องลงแอพของเครือข่ายเหล่านี้แยกต่างหาก (ถ้าอยากลงก็ลงได้นะครับ) ซึ่ง Hub ก็ตอบสนองงานพื้นฐานเกือบหมดอยู่แล้ว ถ้าไม่ต้องการฟีเจอร์อะไรมากมาย ก็สามารถใช้ Windows Phone เท่าที่ไมโครซอฟท์ให้มาโดยไม่ต้องลงแอพเพิ่มเลย
การประสานงานระหว่างเครือข่ายต่างๆ ของ Windows Phone ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ระบบปฏิบัติการคู่แข่งอย่าง webOS หรือ Android มีแนวคิดลักษณะนี้อยู่บ้าง แต่ก็จำกัดเฉพาะอีเมลและสมุดที่อยู่เท่านั้น ในขณะที่ Windows Phone รองรับไปถึงรูปภาพ เกม เพลง ฯลฯ ด้วย
เครือข่ายสังคมที่ไมโครซอฟท์รองรับแน่ๆ คือตระกูล Windows Live, Zune และ Xbox Live ของตัวเอง (และถ้าใช้ระบบเมลองค์กรของไมโครซอฟท์จะได้พวก Exchange กับ Lync มาด้วย) นอกจากนี้ยังรองรับเครือข่ายยอดนิยมอย่าง Twitter, Facebook, LinkedIn มาให้
เครือข่ายของค่ายคู่แข่งอย่างกูเกิลก็รองรับพอประมาณคือ Gmail, Contacts และ Calendar แต่ถ้าอยากได้พวก Picasa, YouTube, Google+ ด้วยก็ต้องรอกูเกิลทำให้สถานเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของ Hub ใน Windows Phone อยู่ที่มันรองรับเครือข่ายสังคมฮิตๆ บางอันเท่านั้น และผมเข้าใจว่าไมโครซอฟท์ไม่ได้เปิด API สำหรับแอพภายนอกอื่นๆ มาเรียกใช้มากนัก (ถ้าผิดแก้ด้วยนะครับ) ดังนั้นถ้าเราอยากใช้เครือข่ายสังคมหรือบริการอื่นๆ มาร่วมด้วย เช่น เชื่อมระบบเพลงจาก iTunes หรือ Last.fm, ภาพจาก Flickr หรือ Picasa, เกมจาก PSN หรือ OpenFient, เช็คอินบน Foursquare, ไฟล์เอกสารจาก Google Docs หรือ Zimbra พวกนี้หมดสิทธิ์แน่ๆ 100% ต้องรอบริษัทเหล่านี้ทำแอพให้ และไปใช้งานแยกในแอพพวกนี้เท่านั้น
ทีนี้มาดูรายละเอียดกันทีละ Hub ดีกว่าครับ

People Hub

People Hub คือจุดที่โดดเด่นที่สุดของ Windows Phone ถ้าให้อธิบายง่ายๆ มันคือ สมุดที่อยู่ + แอพ social network จำพวก Tweetdeck
ส่วนของสมุดที่อยู่คงไม่มีอะไรแปลกกว่าปกติ ใช้แนวคิดรวมเพื่อนคนเดียวกันจากเครือข่ายต่างๆ เข้าด้วยกัน (ผมเข้าใจว่าค่ายแรกที่ทำแบบนี้คือ Synergy ของ webOS)
สำหรับกรณีของ Windows Phone รวมได้ทั้งจากสมุดที่อยู่ตามเบอร์โทรปกติ, Windows Live, Facebook, Twitter, Google Contacts, Outlook, LinkedIn (ของ Yahoo! ก็น่าจะได้ครับแต่ไม่ได้ลอง)
หน้ารายการเพื่อนสามารถพิมพ์เพื่อค้นหาได้ หรือกดที่ตัวอักษรของแต่ละหมวดหมู่ เพื่อกระโดดไปยังหมวดที่ต้องการก็ได้ (ฟีเจอร์นี้สะดวกดีมาก)
เรายังสามารถเลือกเชื่อมบัญชีเพื่อนเข้าด้วยกัน (linked profile) ได้เองด้วย และการที่ไมโครซอฟท์มีสายสัมพันธ์อันดีกับ Facebook ทำให้การเชื่อมสมุดที่อยู่เข้ากับเพื่อนใน Facebook ทำได้ทันที ง่ายกว่าของ Android มาก
เมื่อเพื่อนของเราอัพเดตสถานะในเครือข่ายที่เชื่อมเอาไว้ มันจะแสดงขึ้นมาในแท็บ What's New ของเพื่อนคนนั้นด้วย (ตรงนี้เป็นจุดที่กูเกิลลอกไปใช้ในแอพ People ของ ICS ที่มาแทน Contacts ทั้งหมดใช้แนวคิดเดียวกัน)
แต่ทั้งหมดที่กล่าวไปนั้นเป็นแค่ครึ่งหนึ่งของ People Hub เพราะความเจ๋งของมันอยู่ที่ว่า พอเราเข้าแอพ People Hub แล้ว จะมีแท็กที่เรียกว่า What's New ซึ่งเปรียบได้กับ timeline ของเพื่อนๆ เราทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดตใน Facebook/Twitter หรือเครือข่ายอื่นๆ ก็ตาม มันแสดงรวมมาให้เราทั้งหมด (เลือกแสดงเฉพาะบางเครือข่ายก็ได้นะครับ) และเราสามารถกดไลค์ ตอบคอมเมนต์ รีทวีต ได้จากหน้าจอนี้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องลงแอพ social network อื่นๆ แต่อย่างใด
เท่านั้นยังไม่พอครับ ใน Windows Phone Mango ยังมีฟีเจอร์ใหม่อีกอย่างหนึ่งคือ group หรือการจัดกลุ่มเพื่อนๆ เข้าด้วยกันตามต้องการ
สมุดที่อยู่บนมือถือสามารถจัดกลุ่มเพื่อนได้มานานแล้ว แต่พอมันมาอยู่บน People Hub ที่รองรับฟีเจอร์ด้าน social network ในตัว ทำให้มันมีสถานะกลายเป็น list ของ Facebook/Twitter ไปด้วย
นี่แปลว่าเราสามารถกรองดูสถานะอัพเดตของเพื่อนเฉพาะกลุ่มได้โดยตรงจากตัวระบบปฏิบัติการเลย ยิ่งไปกว่านั้น ผมสามารถปักหมุดกลุ่มเพื่อนนี้ไว้บน Live Tiles ได้ด้วย เจ๋งไหมล่ะครับ?

Me Hub

People Hub ทำหน้าที่แสดงผลแค่ timeline หรือ stream ของเพื่อนๆ เราเท่านั้น ถ้าเราอยากดูข้อความที่ส่งมาหาเรา (mentions ของ Twitter หรือ notifications ของ Facebook) เราต้องใช้แอพอีกตัวที่อยู่ใน People Hub ที่เรียกว่า Me (ตัวฉัน) ซึ่งปักไว้ที่ Live Tiles ให้อยู่แล้วด้วย
Me แบ่งออกเป็น 3 ส่วน (ดูภาพประกอบ) ได้แก่
  • Profile - สถานะล่าสุดของเราเอง, ปุ่มโพสต์ข้อความ (Windows Live/Facebook/Twitter), ปุ่มเช็คอิน (Facebook), ปุ่มเซ็ตข้อความสถานะ (WLM)
  • Notifications - มันคือ notifications ของ Facebook รวมกับ mentions ของ Twitter)
  • What's New - stream/timeline ของเราเอง ที่โพสต์ลงเครือข่ายสังคมต่างๆ
จะเห็นว่าถ้าเราใช้งาน People Hub กับ Me ควบคู่กันไป มันคือ social network client ที่รองรับทั้ง Facebook และ Twitter ในตัว มาพร้อมกับตัวระบบปฏิบัติการเลย ถ้าไม่ต้องการฟีเจอร์อะไรมาก ก็อาจไม่ต้องลงแอพของเครือข่ายพวกนี้เลยด้วยซ้ำ
หมายเหตุ: แต่ People Hub ก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่อาจต้องพึ่งแอพเฉพาะกิจอยู่บ้างนะครับ เช่น มันไม่สามารถแสดง retweet หรือ จำนวนคนกดไลค์ หรือการกดไลค์คอมเมนต์ได้ เป็นต้น แต่โดยรวมแล้วพอใช้สำหรับงานพื้นฐานส่วนใหญ่แล้วล่ะครับ

Pictures Hub

คนที่เคยใช้ Android มาคงคุ้นกับแอพ Gallery ที่มันไปดึงอัลบั้มภาพจาก Picasa ของเรามาให้ด้วย
Pictures Hub ก็เหมือนกัน มันคือ Gallery เวอร์ชันที่ดึงภาพจาก SkyDrive และ Facebook Albums มาให้เลย (บอกแล้วว่าไมโครซอฟท์นั้นใกล้ชิดกับ Facebook จริงๆ) อย่างไรก็ตาม มันยังจำกัดเฉพาะ SkyDrive กับ Facebook เท่านั้น ยังไม่รองรับอัลบั้มภาพจาก Flickr (แม้จะมีแอพ Flickr บน WP ก็ตาม) หรือ Picasa
นอกจากการแสดงอัลบั้มภาพทั้งออนไลน์และออฟไลน์แล้ว มันยังแสดงอัพเดต "ภาพใหม่" ที่เพื่อนๆ ของเราโพสต์ลง Facebook หรือ Windows Live ด้วย ซึ่งตรงนี้เหมือนกับหน้า What's New ของ People Hub (และแยกกลุ่มได้ด้วย)
Windows Phone รองรับการแชร์ภาพไปยังเครือข่ายอื่นๆ แบบเดียวกับ Android เพียงแต่สนิทชิดเชื้อกับ Facebook เป็นพิเศษ มีคำสั่งแชร์ไปยัง Facebook ให้โดยตรงในเมนู (อันนี้เปลี่ยนได้)
ฟีเจอร์เล็กๆ อีกอันที่ผมชอบคือ favorites หรือการเลือกรูปภาพที่ชอบ ภาพพวกนี้จะถูกนำไปแสดงเป็นภาพพื้นหลังใน Pictures Hub หรือแสดงใน Live Tiles ตรงนี้ช่วยให้เรากำหนดภาพสวยๆ มาแสดงเป็นพื้นหลังได้ ไม่ใช่เป็นการแสดงภาพแบบสุ่ม (ที่ภาพจากกล้องมือถือส่วนมากมักไม่สวย)
สิ่งที่น่าติมากๆ ของ Pictures Hub คือเราไม่สามารถเลือกรูปภาพพร้อมๆ กันหลายภาพเพื่ออัพโหลดไปทีเดียวได้ ต้องนั่งอัพโหลดทีละภาพเท่านั้น (ลำบากโคตร) เป็นสิ่งที่หวังว่าไมโครซอฟท์จะรีบปรับปรุงในเวอร์ชันต่อๆ ไป

Music+Videos Hub

แอพเล่นมัลติมีเดียของ Windows Phone ชื่อว่า Music+Videos Hub ซึ่งก็ตรงตามชื่อคือรวมทั้งเพลงและวิดีโอไว้ในตัว
แอพตัวนี้เชื่อมโยงกับ Zune ค่อนข้างมาก ทั้งตัวโปรแกรม Zune Desktop บนพีซี และ Zune Marketplace บริการขายเพลงออนไลน์ของไมโครซอฟท์
การใช้งานค่อนข้างตรงไปตรงมา (เล่นเพลง-หนัง) แต่ที่ผมชอบคือมันสแกนเพลงของเรา แล้วดึงภาพศิลปินจากอินเทอร์เน็ตมาเป็นพื้นหลังให้ด้วย ช่วยให้โปรแกรมดูดีขึ้นอีกหลายเท่าตัว!
ที่น่าสนใจหน่อยคงมีแค่ภาพพื้นหลังของหน้า lock screen ตอนเรากำลังเล่นเพลงด้วย Zune เปลี่ยนเป็นภาพศิลปินคนนั้นๆ ที่ Zune ดึงจากอินเทอร์เน็ตมาให้เราอัตโนมัติ ทำให้ดูหรูหราไฮโซขึ้นมาก
สิ่งที่น่าเสียดายคงเป็นว่า Music+Video Hubs เชื่อมโยงได้แค่ Zune ของไมโครซอฟท์เท่านั้น บริการเพลงออนไลน์อื่นๆ หมดสิทธิ์ (ถ้าซื้อ Zune Pass โหลดเพลงไม่จำกัดก็คงมันส์ไปอีกแบบ)

Office Hub

โปรแกรมที่หลายคนอยากให้มีบนมือถือแน่ๆ คือ Microsoft Office ซึ่ง Windows Phone ก็ตอบสนองความต้องการนี้ให้ (บางส่วน)
Microsoft Office บน Windows Phone ถูกเรียกตรงตัวว่า Office Hub มันรวมเอาเอกสารไว้ให้เราดังนี้
  • เอกสารบนมือถือ
  • เอกสารบน SkyDrive
  • เอกสารบน Office 365
  • เอกสารจาก SharePoint
ส่วนประเภทของเอกสารที่รองรับก็มี Word, Excel, PowerPoint และโน้ตจาก OneNote มาใช้เป็น to-do list และการจดโน้ตทั่วไป
เท่าที่ลองใช้ดู Office บน Windows Phone สามารถแสดงเอกสาร Word ภาษาไทยได้ถูกต้อง แก้ไขได้นิดหน่อย (แก้ข้อความเป็นหลัก แก้ฟอร์แมตได้บ้างแต่ไม่สะดวกนัก) ส่วน Excel ไม่ได้ลองแต่เท่าที่เข้าใจคือสามารถแก้สูตรได้ด้วย

Games Hub

ไมโครซอฟท์ใช้ประโยชน์ของแบรนด์ Xbox และฐานผู้เล่นจำนวนมากให้เป็นประโยชน์ เกมจำนวนมากบน Windows Phone ที่แปะตรา Xbox มาด้วยจะรองรับฟีเจอร์ออนไลน์ของ Xbox Live พวก avatar, achievements, leaderboard, gamer tag มาให้ด้วย ถือเป็นฟีเจอร์ที่สะดวกถ้าหากว่าเราเล่น Xbox Live อยู่แล้วครับ (ผมไม่มี Xbox ก็ต้องเล่นแบบเหงาๆ ไปคนเดียว)

E-mail

แอพอีเมลของ Windows Phone มีฟีเจอร์มาตรฐานทั่วไป อ่านเมลได้ ตอบเมลได้ เลือกแสดงเมลตามสถานะ unread/flag ได้
ฟีเจอร์ที่ยังขาดไปคือ การเลือกเมลว่าเป็นสแปม และการแสดงไฟล์แนบแบบ inline ส่วนฟีเจอร์พิเศษของ Gmail อย่างพวก priority inbox อะไรแบบนี้ไม่มีแน่นอน
แอพอีเมลรองรับการแยกบัญชีอีเมล (โดยใช้อินเทอร์เฟซแบบเดียวกันหมด) บัญชีที่รองรับได้แก่ Hotmail, Exchange, Office 365, Yahoo!, Google และ POP/IMAP ทั่วไป เมื่อเราสร้างบัญชีแต่ละอันแล้ว จะเห็นแอพของบัญชีนั้นๆ โผล่ขึ้นมาใน App List และเราสามารถปักไอคอนแต่ละอันไว้บน Live Tiles ได้
ฟีเจอร์เจ๋งที่เพิ่มเข้ามาใน Mango คือ Linked Inbox หรือการเชื่อมบัญชีอีเมลมากกว่าหนึ่งอันเข้าด้วยกันได้ ตรงนี้สะดวกกว่า Universal Inbox ที่บังคับรวมอีเมลทุกบัญชีเข้าด้วยกัน เพราะเราสามารถจับคู่เลือกบัญชีบางส่วนเข้ากันได้อย่างอิสระ (เปลี่ยนชื่อ Linked Inbox ได้อีกต่างหาก)

Messages

ไมโครซอฟท์รวมการสนทนาผ่าน SMS และการแชทผ่าน IM เข้าด้วยกันตามสมัยนิยมเป็นแอพ Messages
ตอนนี้ยังรองรับเฉพาะ Windows Live Messenger และ Facebook Chat เท่านั้น ใครอยากใช้ Google Talk หรือ Whatsapp ก็ต้องไปหาแอพเอาเอง

Calendar

แอพปฏิทินไม่มีอะไรพิสดารเช่นกัน แสดงโหมด agenda, to-do, today, month (แต่ไม่มีแบบ week) และรองรับปฏิทินที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตได้
มันสามารถเชื่อมต่อกับปฏิทินของ Windows Live, Exchange, Google Calendar และ Facebook Events ได้ แยกสีระหว่างกันได้
หมายเหตุ: คนที่ใช้ Google Calendar โดยมีปฏิทินหลายอันแบบผม ต้องเข้าไปเซ็ตค่าในฝั่งของกูเกิลเสียก่อน จึงจะเห็นปฏิทินทั้งหมด (ถ้าไม่เซ็ตจะเห็นแค่ปฏิทินหลักแค่อันเดียว) รายละเอียดดูได้จาก Microsoft Support

Internet Explorer

ไมโครซอฟท์อัพเดต IE ใน Mango ให้เป็น IE9 Mobile ที่มีความสามารถดีขึ้นกว่า IE ใน Windows Phone รุ่นแรก
 
การใช้งานคงไม่ต่างอะไรจากเบราว์เซอร์บนมือถือทั่วไปครับ มันรองรับการแสดงผลหลายแท็บ (สูงสุด 6 แท็บ) และสามารถปักหมุดเว็บเพจไว้บน Tiles ได้
การเปิดแท็บทำได้ลำบากเล็กน้อยเพราะต้องเปิดเมนู tabs ขึ้นมาก่อนเสมอ (ไม่มีแท็บจริงๆ ให้กดเลือกง่ายๆ)
มันไม่รองรับ Flash (และคาดว่าคงไม่มีวันนั้น) และภาษาไทยเข้าขั้นใช้ไม่ได้เลย อันนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก "ทำใจ" รอไมโครซอฟท์แก้ไขให้ในรุ่นหน้า หรือไม่ก็เปลี่ยนไปใช้แอพ CoreSharp BrowserThai พอแก้ขัดได้บ้างเป็นบางเว็บ (Blognone ยังเปิดแล้วไม่เห็นตัวอักษรภาษาไทยอยู่ดีครับ)

Keyboard

คีย์บอร์ดของ Windows Phone ดูเรียบง่ายแต่ตัวช่วยตรวจสะกด (auto-correction) ทำงานได้ค่อนข้างดี พิมพ์ไม่ค่อยผิดเท่าไร (ผมไม่ได้ทดสอบเรื่องการพิมพ์ภาษาอังกฤษจริงจัง คงบอกไม่ได้ว่าดีกว่าหรือแย่กว่าค่ายอื่น)
จุดติของคีย์บอร์ดมีอยู่เล็กน้อย
  • มันไม่มีโหมดกดค้างเพื่อป้อนอักษรพิเศษ เหมือนกับที่ Android กดปุ่มแถวบนสุดค้างเพื่อป้อนตัวเลขได้
  • มีปุ่มสำหรับป้อน emoticon ซึ่งไม่ค่อยได้ใช้ แต่ถ้าต้องการป้อนสัญลักษณ์ที่ใช้บ่อยๆ เช่น @ หรือ ? กลับต้องสลับไปยังโหมดตัวเลข-สัญลักษณ์แทน ควรจะสลับกัน
การ copy & paste คล้ายกับระบบปฏิบัติการอื่นๆ คือกดค้างตรงข้อความที่ต้องการ copy แต่ตอน paste ง่ายขึ้นหน่อยเพราะมีไอคอน Paste แถมมาด้านบนคีย์บอร์ดให้ด้วย
Windows Phone ไม่สามารถลงคีย์บอร์ดอื่นๆ ได้ (เช่นเดียวกับ iOS) และคีย์บอร์ดที่แถมมาด้วยก็ไม่มีภาษาไทยมาให้ (คงต้องรอ Apollo กันต่อไป)
ทางออกเดียวในตอนนี้คงเป็นแอพ Pim Thai ที่เป็นแอพคีย์บอร์ดแยกต่างหาก แล้วค่อย copy ข้อความภาษาไทยไป paste ในแอพที่ต้องการแทนครับ (ต้องขอบคุณคุณ สันติสุข อนามพงษ์ และ อัฑฒ์ ณ นคร ที่ทำแอพนี้ออกมาใช้แก้ขัดและแจกฟรี)
screenshot นี้เอามาจาก Marketplace ครับ ไม่ได้ทำเองนะ

Speech

ถ้ากด Back ค้างไว้จะกลายเป็นหน้าจอสลับแอพ แต่ถ้าเรากดปุ่ม Windows ค้างไว้ จะกลายเป็นโหมดสั่งงานด้วยเสียงแทน
โหมดสั่งงานด้วยเสียงของ Windows Phone ใช้เอนจินวิเคราะห์เสียง Microsot Tellme และสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องต่อกับอินเทอร์เน็ต
ความสามารถด้านเสียงของ Windows Phone ยังจำกัดอยู่บ้าง สามารถใช้ได้แค่การโทร/ส่งข้อความหาเพื่อนในสมุดที่อยู่ และเปิดแอพที่มีอยู่ในเครื่องเท่านั้น (ถ้าต่อเน็ตไว้ด้วยก็สามารถหาข้อมูลจาก keyword จาก Bing ได้อีกอย่างหนึ่ง) เทียบกับฟีเจอร์ของ Siri บน iPhone หรือ Voice Actions บน Android แล้วยังห่างไกลอยู่พอสมควร

Camera

แอพกล้องของ Windows Phone ก็ทำงานได้พื้นฐานเท่าที่แอพกล้องบนมือถือพึงมี สามารถเลือกโหมดการถ่ายรูปตามซีน (scene) ได้, เปลี่ยนค่า white balance/exposure/ISO/contrast, เลือกจุดวัดแสงว่าใช้ค่าเฉลี่ยหรือวัดเฉพาะจุด, ปรับโหมดถ่ายมาโคร และเปิด-ปิดแฟลชได้
สิ่งอำนวยความสะดวกที่ผมชอบคือแสดงภาพที่เพิ่งถ่ายล่าสุดไว้ที่ขอบด้านบนของแอพถ่ายภาพด้วย ช่วยให้เรากดดูภาพล่าสุดได้ง่ายขึ้นมาก
ภาพที่ถ่ายแล้วยังมีฟีเจอร์ face recognition ช่วยเหลือการแท็กเพื่อนบน Facebook ได้ด้วย

Bing

ปุ่ม Search ของ Windows Phone ดูเผินๆ อาจเหมือนกับปุ่ม Search ของ Android แต่แท้จริงแล้วมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เพราะหน้าที่ของปุ่ม Search ใน Android แปรเปลี่ยนตามหน้าจอแอพในตอนนั้น เช่น กดตอนอยู่หน้า Home จะเป็นการค้นกูเกิล แต่กดตอนอยู่ในหน้า Contacts จะค้นหาชื่อเพื่อนแทน (ซึ่งก็สร้างความสับสนบ้างในบางกรณี)
แต่ปุ่ม Search ของ Windows Phone ทำหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือ เข้าไปยังหน้าของ Bing (ส่วนการค้นหาภายในแอพต้องใช้ soft button ของแต่ละแอพเอาเอง)
การใช้งานเหมือน Bing บนเว็บทุกประการ คือพิมพ์ในช่องค้นหาแล้วแสดงลิงก์ จุดต่างอยู่ที่ปุ่มด้านล่าง 4 ปุ่ม มันเป็นการค้นหาเฉพาะทาง ดังนี้ (เรียงจากซ้ายไปขวา)
  • Local Scout - ค้นหาสถานที่โดยรอบ คล้ายกับ Google Places
  • Music - ค้นหาด้วยเพลง เหมือนกับพวก Shazam, SoundHound
  • Vision - ค้นหาด้วยภาพ เหมือนกับ Google Goggles
  • Voice - ค้นหาด้วยเสียงพูด เหมือนกับ Voice Search ของ Android
แต่ในของจริงที่ผมใช้ มีเฉพาะ 2 ไอคอนหลัง (Vision/Voice) เข้าใจว่า Bing แสดงฟีเจอร์เฉพาะประเทศที่รองรับเท่านั้น (บน Lumia มีแอพ Local Scout มาให้ด้วย แต่ใช้งานไม่ได้ ไม่มีข้อมูลสถานที่โผล่ขึ้นมาเลย)

Maps

แอพแผนที่ของ Windows Phone ย่อมต้องใช้ Bing Maps (ตัวแอพชื่อ Maps เฉยๆ)
ฟีเจอร์ของตัวแผนที่ก็ตามมาตรฐาน ค้นหาสถานที่ได้ แสดงเส้นทางได้ มีภาพถ่ายทางอากาศ ส่วนความละเอียดของแผนที่ก็ดูกันเองผ่าน Bing Maps เวอร์ชันเดสก์ท็อป

Marketplace

ร้านขายแอพของไมโครซอฟท์ ซึ่งจริงๆ แล้วมันยังมีเพลง เกม และพ็อดแคสต์ให้ดาวน์โหลดด้วย (ไม่มีหนังและรายการทีวีนะครับ)
ขั้นตอนการค้นหาและติดตั้งแอพก็ไม่มีอะไรต่างไปจากค่ายอื่นๆ ครับ การจ่ายเงินต้องผ่านบัตรเครดิตเท่านั้น (ใส่ข้อมูลบัตรได้ผ่านเว็บไซต์ windowsphone.com)

แอพที่น่าสนใจ

ในเมื่อมีโอกาสได้ลองเล่นแอพบ้างนิดหน่อย ก็มีแอพฟรีบางตัวมาแนะนำ เผื่อจะเป็นประโยชน์
  • Facebook ถือเป็นแอพ Facebook บนมือถือที่ดูดีที่สุดตั้งแต่เคยใช้มา และเป็น Metro UI ที่ออกแบบได้สวยมากตัวหนึ่ง จุดเด่นคือมันนำรูปภาพในอัลบั้มของเรามาแสดงเป็นภาพพื้นหลังด้วย (เปลี่ยนภาพได้) ความสามารถเยอะพอตัวแต่ก็ยังขาดฟีเจอร์สำคัญหลายอย่าง ซึ่งกำลังจะมาในเร็วๆ นี้
  • Twitter แอพเฉพาะสำหรับการใช้ทวิตเตอร์ ฟีเจอร์พื้นฐานครบถ้วน แต่ก็ยังไม่รองรับการแสดง retweet ในแถบ mentions ที่ระบบปฏิบัติการอื่นได้กันแล้ว
  • Pulse แอพอ่านข่าวยอดนิยมบนมือถือหลายแพลตฟอร์ม รูปแบบการใช้งานไม่ต่างกับเวอร์ชันอื่น แต่บน WP ยังไม่รองรับ Pulse.me ที่ช่วยบันทึกข่าวและแหล่งข่าวให้เรา
  • Foursquare แอพอย่างเป็นทางการอีกเหมือนกัน ถือเป็น Foursquare เวอร์ชันที่สวยมากๆ อันหนึ่งเลยครับ
  • Flickr แอพอย่างเป็นทางการของยาฮู ดูภาพได้ อัพโหลดภาพได้ แต่ยังไม่เชื่อมกับ Pictures Hub และอัพโหลดได้ทีละภาพเท่านั้น

แอพที่ยังขาด

  • YouTube - มีแอพที่ไมโครซอฟท์ทำเอง ซึ่งเป็นแค่การลิงก์ไปยัง m.youtube.com ยังขาดแอพเต็มตัวแบบของ Android
  • แอพตระกูล Google - ตอนนี้มีเพียงตัวเดียวคือ Google Search ที่ทำอะไรอื่นไม่ได้เลยนอกจากค้นหา ผลิตภัณฑ์ตัวอื่นของกูเกิลมีแต่แอพแบบไม่เป็นทางการ
  • Instagram - แน่นอนว่ายังไม่มี Instagram บน Windows Phone (ใช้ตัวอื่นอย่าง Fhotoroom แทนได้)

Zune Desktop

สำหรับ Windows Phone รุ่นแรกจนถึงปัจจุบัน ไมโครซอฟท์ยังเดินตามรอยของแอปเปิลคือบังคับการเชื่อมต่อกับพีซีผ่านซอฟต์แวร์ของตัวเอง ซึ่งในที่นี้คือ Zune Desktop
Zune Desktop ทำหน้าที่หลักๆ สองประการคือ
  • จัดการไฟล์มัลติมีเดียภายในเครื่อง (เพลง-วิดีโอ-ภาพ)
  • จัดการอุปกรณ์ที่มาเชื่อมต่อกับพีซี (ไม่ว่าจะเป็น Zune เครื่องเล่นเพลงหรือ Windows Phone) ทั้งในเรื่องการซิงก์และการอัพเดตเฟิร์มแวร์
เราไม่สามารถนำ Windows Phone มาเสียบสาย USB แล้วลากไฟล์ใส่โดยตรงแบบ Android ได้นะครับ เพราะนับถึงตอนนี้ Windows Phone ยังไม่มีโหมด USB mass storage ทุกอย่างต้องทำผ่าน Zune Desktop เท่านั้น (ถ้าใช้แมคก็มี Windows Phone 7 Connector for Mac ส่วนคนใช้ลินุกซ์หมดสิทธิ์)
เท่าที่ดูจากข่าวที่ออกมาในช่วงหลังๆ (ไมโครซอฟท์หยุดขายแอพผ่าน Zune Desktop) คาดว่าไมโครซอฟท์จะทิ้ง Zune Desktop ในอีกไม่ช้า แต่ตอนนี้เราก็ต้องอยู่กับ Zune กันไปก่อน

My Windows Phone

ไมโครซอฟท์ยังเปิดเว็บไซต์ windowsphone.com ซึ่งถ้าล็อกอินด้วย Live ID สามารถบริหารจัดการมือถือของเราได้จากหน้าเว็บโดยตรง
สิ่งที่ใช้งานได้ผ่านหน้าเว็บคือ
  • ค้นหามือถือหาย (Find My Phone)
  • ภาพและวิดีโอที่อัพโหลดขึ้น SkyDrive
  • รายชื่อแอพในเครื่องทั้งหมด (ลงแอพผ่านหน้าเว็บได้แบบเดียวกับ Google Play)
  • รายชื่อเอกสารใน SkyDrive
  • คะแนนและข้อมูลต่างๆ ของ Xbox Live
สำหรับฟีเจอร์ Find My Phone ลองแล้วก็เวิร์คดีครับ หาสถานที่ได้ค่อนข้างแม่น (ในภาพมันกำลังค้นหาอยู่) แค่เรากรอกเบอร์โทรของตัวเองไว้กับเว็บไซต์ windowsphone.com แล้วเปิดเครื่องและต่อกับเครือข่ายมือถือไว้ก็พอ
เมื่อเรากด Find ไมโครซอฟท์จะส่ง SMS ที่มีโค้ดเฉพาะมายังเครื่องของเรา ซึ่งเป็นการสั่งให้เครื่องทำงานในโหมดพิเศษ (ล็อคเครื่อง ส่งเสียง หรือลบข้อมูลในเครื่อง) จำกัดบัญชีละ 15 ข้อความต่อเดือน

สรุป

Windows Phone เป็นระบบปฏิบัติการมือถือที่น่าสนใจและมีศักยภาพมากในอนาคต (ในเรื่องความลื่นไหลนั้นดีกว่า Android ทุกตัวที่ผมเคยใช้มา) แต่สถานะในปัจจุบันมันยังขาดความสมบูรณ์ในหลายๆ ด้าน (อารมณ์คล้ายๆ กับใช้ Android รุ่น 1.x หรือ 2.0) ซึ่งเราคงต้องรอไมโครซอฟท์พัฒนามันต่อไปอีกพักหนึ่ง
เรื่องความสามารถและ ecosystem ในเรื่องแอพปัจจุบัน อยู่ในช่วงที่เริ่มใช้งานได้บ้างแล้ว เพียงแต่เทียบกับคู่แข่งที่ออกนำมาก่อนหลายช่วงตัวก็ต้องยอมรับว่าด้อยกว่ากันอยู่เยอะพอสมควร และจุดตายที่ไม่น่าให้อภัยจริงๆ คือเรื่องภาษาไทย ที่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไรกันแน่
จุดเด่น
  • หน้าตาสวยงาม มีสไตล์เป็นของตัวเอง
  • ลื่นไหวกว่า Android อย่างเห็นได้ชัดเจน
  • Live Tiles เป็นแนวคิดที่แปลกใหม่และใช้งานได้จริง
  • แนวคิดเรื่อง Hub เจ๋งมาก มีความสมบูรณ์ในตัวเอง (ระดับหนึ่ง)
จุดด้อย
  • ภาษาไทยใช้ไม่ได้ในส่วนของคีย์บอร์ดและเบราว์เซอร์
  • ยังขาดฟีเจอร์พื้นฐานที่จำเป็นในบางเรื่อง เช่น การเลือกรูปภาพมากกว่าหนึ่งรูปพร้อมกัน หรือการบอกว่าเป็นอีเมลสแปม
  • status bar มาๆ หายๆ
  • Hub จำกัดเฉพาะเครือข่ายที่ไมโครซอฟท์รองรับเท่านั้น (หลักๆ คือ Windows Live กับ Facebook) ถ้าใช้นอกเหนือจากนี้ก็จบกัน
  • แอพใน Marketplace ยังมีน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ขาดแอพสำคัญหลายตัวที่คนอื่นมีกัน
  • การซิงก์ยังผูกกับ Zune เพียงอย่างเดียว และไม่มีโหมด USB mass storage ให้เลือก
จากการลองใช้มาหลายวัน ผมคิดว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วไป (ที่ไม่ใช่แฟนคลับของ Windows Phone ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องการอะไร) ยังไม่มีเหตุผลจำเป็นอะไรที่ควรเปลี่ยนมาใช้ Windows Phone ในตอนนี้ครับ
คัดลอกจาก:http://www.blognone.com/node/32091